วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Shape Tween



Shape Tween นั้น แปลตามตัวคือการทำ Animation เปลี่ยนแปลงรูปทรงของ Tweening ก็หมายความว่า โปรแกรมจะคำนวณรูปทรงหนึ่งให้เปลี่ยนเป็นอีกรูปทรงหนึ่ง เช่น ภาพวงกลมค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นภาพ สี่เหลี่ยม เป็นต้น จะมีกฏอยู่ว่าคุณไม่สามารถใช้คำสั่ง Shape Tween กับ Symbols, Instance หรือข้อความได้ คุณจะใช้คำสั่งนี้ได้ เฉพาะกับภาพแบบ Plain Draw (ภาพลายเส้นที่วาดด้วยเครื่องมือของ Flash เช่นสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลม หรือลายเส้น) เท่านั้น และภาพนั้นต้องไม่ถูก Group อยู่ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Shape Tween เปลี่ยนรูปทรงของภาพได้หลาย ๆ ภาพพร้อมกัน แม้ว่า ภาพทุกภาพนั้นจะอยู่ในเลเยอร์เดียวกัน ทั้งหมดก็ตาม

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

3.จงยกตัวอย่างภาพยนต์ของไทยมา1เรื่องและอธิบายแนวคิดรูปแบบ เทคนิคของภาพยนต์ที่ใช้รวมทั้งลักษณะการสร้างผลงานมาโดนสังเขป

ภาพยนต์เรื่องก้านกล้วย 2

ก้านกล้วย (พ.ศ. 2549) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันสามมิติ สร้างโดย กันตนาแอนิเมชัน เป็นเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากเกร็ดบางส่วนของพงศาวดาร ว่าลักษณะคชลักษณ์ของช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้น จะมีหลังโค้งลาด คล้ายก้านกล้วย ชื่อตามพงศาวดารนั้นคือ เจ้าพระยาปราบหงสาวดีหรือเดิมชื่อ เจ้าพระยาไชยานุภาพ หรือ พลายภูเขาทอง โดยในเรื่องใช้ชื่อว่า ก้านกล้วย เป็นตัวเอก ก้านกล้วยเป็นแอนิเมชันที่ได้ คมภิญญ์ เข็มกำเนิด คนไทยที่ได้ไปศึกษาทางฟิล์มและวีดีโอที่เน้นด้านการทำแอนิเมชันที่สหรัฐอเมริกา และได้เคยร่วมงานสร้างตัวละครและทำภาพเคลื่อนไหวที่เคยร่วมงานกับบริษัทวอลท์ดิสนีย์ และ บลูสกายสตูดิโออย่าง ทาร์ซาน (Tarzan) , ไอซ์เอจ (Ice Age) และ แอตแลนติส (Atlantis: The Lost Empire) มาเป็นผู้กำกับ พร้อมกลุ่มนักแอนิเมชันทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 100 คน

ก้านกล้วยเป็นแอนิเมชันที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นฉากที่เป็นภูมิทัศน์แบบไทย ต้นไม้ ไม้ดอก สภาพป่า และประเพณีไทย เช่น การคล้องช้าง การนำฉากหมู่บ้านทรงไทย แสดงพืชพรรณไม้ไทย เช่น ต้นราชพฤกษ์ (หรือคูน หรือลมแล้ง) ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชาติ ในฤดูกาลต่างๆ รวมทั้งการออกดอกเหลืองอร่ามในหน้าแล้ง แสดงฉากประเพณีลอยกระทง เป็นต้น

ก้านกล้วย เป็นแอนิเมชันที่สร้างด้วยเทคนิคคอมพิวเตอร์ อีกเรื่องหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้มีภาพยนตร์แอนิเมชันที่ใช้เทคนิคดังกล่าว คือ ปังปอนด์ และ แอนิเมชันซึ่งถือเป็นเรื่องแรกของไทยคือ สุดสาคร ซึ่งเป็นแอนิเมชันสองมิติ

ใช้เวลาถ่ายทำนานถึง 2 ปี สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นสามมิติเรื่องแรกของไทย "ก้านกล้วย" สําหรับเทคนิคพิเศษมีการนำเอาโปรแกรม Massive (ซอฟท์แวร์) ระดับฮอลลีวู้ด ที่สามารถขยายภาพของตัวละครที่มีเป็นกลุ่มใหญ่ตั้งแต่จํานวนหลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่น พร้อมเพิ่มช็อตให้ได้มากกว่า ๑๐๐ ช็อตได้อย่างง่ายดาย

2.จงวิเคาะปรียบเทียบลักษณะความแตกต่างAnimationภาพยนต์แต่ละประเภทในประเทศไทยพร้อมทั้งยกตัวอย่าง

การเคลื่อนใหว ในงาน 2 ดีนั้นเวลาจะทำก็ต้องวาดแล้วเอาภาพมาเรียงต่อกันเรื่อยๆ แต่ ในงาน 3ดี เราทำตัวละครแล้วเอามาเคลื่อนที่โดยแค่จัดเฟรมแรกแล้วเฟรมสุดท้ายที่เหลือ คอมจะจัดการสร้างเอง รวมไปถึงการเคลื่อนใหวของตัวละคร.

มุมมอง งาน 3ดี นั้น พอเราจัดท่าตัวละครแล้วเราต้องสร้างกล้องขึ้นมาเพื่อหามุมมองของภาพหรือหนัง(เหมือนถ่ายกล้องจริงๆ) แต่ใน 2ดี นั้นเอาสร้างมุมมองตอนวาดเลย (คือทำในขั้นตอนเดียวกับการวาดเคลื่อนใหวนั่นแหละ) แต่ตรงนี้ต้องใช้ประสบการ์ณในการวาดเยอะพอสมควร ไม่เช่นนั้นจะวาดเพี้ยนได้.

ความสมจริง อันนี้ 3มิติ กินขาด เพราะการจัดแสงมุมมอง ยังไงมือวาดก็ยังไม่เท่าเทียมได้ งาน 3มิติ ถึงนำไปใช้ในวงการภาพยนต์ค่อนข้างมากกว่างาน 2มิติ.

การประมวลผล 2มิติ นั้นจะทำการประมวลผลได้เร็วกว่ามากถึงจะมีการแต่งแสงเข้ามาร่วมด้วย(ทั้งนี้คือการแต่งสีฟิลม์นั่นเอง). แต่ 3มิติ จะประมวลผลออกมาเป็นภาพๆ ซึ่ง 1 ภาพจะต้องคำนวนเรื่องแสง มุมกล้องความลึกของวัตถุ ตรงนี้ทำให้งาน 3ดี จะช้ามาก ซึ่งบางทีแค่ 1 ภาพก็ใช่เวลาประมวลผลเกินกว่า 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว(ใช้คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง) แต่งานก็จะออกมาสวยเช่นกัน.

ทุนทรัพย์

โปรแกรมการใช้งานบนคอมพิวเตอร์2 มิติ นั้นจะทำจากกระดาษก่อนแล้วค่อยเอามาลงคอมไม่ว่าจะเรียงตัดต่อ หรือไม่ก็ลงสี บางทีอาจจะรวมไปถึงวาดบนคอมด้วย ซึ่งราคาของโปรแกรมต่างๆนั้นค่อนข้างถูกกว่าโปรแกรมอย่าง 3มิติ เกือบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว.
3มิติ โปรแกรมจะแพงมากๆ โดยเฉพาะโปรแกรมหลักๆที่ทำได้ทุกอย่าง อย่าง 3ds max กับ Maya เป็นต้น แต่ว่าโปรแกรมเฉพาะก็ค่อข้างเยอะเช่นกัน อย่างสร้างฉากไม่ก็ตัวละคร ลงรายละเอียดเป็นต้น. *หมายเหตุ*ไม่ว่าจะ 2มิติ หรือ 3มิติ ก็จำเป็นต้องใช้โปรแกรม ตัดต่อหนังเช่นกัน แต่ที่กล่าวข้างต้นไม่ได้รวมโปแกรมพวกนี้เอาใว้.

เครื่องคอมพิวเตอร์อันนี้จะเห็นความแตกต่างของราคาได้ง่ายกว่ามาก งาน 2มิติไม่จำเป็นต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แรง หรือสมรรถนะสูง(พูดอย่างกับรถเลย อิอิ) ซึ่งตรงนี้ทำให้เครื่องคอมถูกลงอย่างพอควร(เกือบครึ่ง) แต่งานนี้จะเสีย เงินไปทางอุปกรณ์ ซะมากกว่า อย่าง ดินสอ, ยางลบ, ปากกา, โต๊ะไฟ กับ เครื่องแสกน เป็นต้น. งาน 3 มิติ ต้องเตรียมใจเรื่องค่าคอมพิวเตอร์เลยเพราะไม่ว่าจะ RAM หรือ การ์ดหน้าจอคอม ก็ราคาสูงแล้ว นอกจากนี้หาต้องบการเครื่องช่วยประมวลผลก็ยิ่งแพงเข้าไปอีกซึ่งราคาอาจจะสูงกว่าคอมที่ใช้เป็นเท่าตัวได้เลยเช่นกัน. ไม่ว่าจะทำงาน 2มิติ หรือ 3มิติ นั้นก็ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนทั้งนั้น ทั้งวาดทั้งปั้น. เพราะงั้นใครชอซะทีเดียวเพราะต้องนำไปตัดต่อเรียบเรียงเพื่อนทำเป็นหนังต่อไปซึงจะอยู่ในขั้นตอนตัดต่อหนังทั้งหลาย. ส่วนผมเองก็จับทั้ง 2 อัน แต่ก็จะเลือกแล้วล่ะว่าจะไปทางด้านใหนดี